bookmark_borderไม่ให้บ้านมีหนู ง่ายนิดเดียว 

สำหรับบ้านไหนที่รู้สึกว่าบ้านตัวเองกำลังเจอกับปัญหาเจ้าหนูตัวร้าย เข้ามาทำลายกัดกินสิ่งของภายในบ้านแล้วแล้วก็แนะนำว่าถ้าหากว่าบ้านของคุณนั้นเลี้ยงแมวเอาไว้คุณสามารถใช้แมวของคุณให้เป็นประโยชน์ได้เพราะแมวของคุณ

นอกจากจะสร้างความสนุกสนานเพลิดเพลินและอยู่เป็นเพื่อนให้กับคุณยามเหงาแล้วมันยังมีประโยชน์ในการที่จะช่วยกำจัดหนูออกจากบ้านให้กับคุณได้

อย่างที่เรารู้กันดีมาตั้งแต่ในยุคสมัยโบราณแล้วว่าหนูกับแมวนั้นไม่ถูกกันแน่นอนว่าเมื่อเรามีแมวอยู่ในบ้านเจ้าหนูที่บังเอิญผ่านมาเห็นบ้านของเร

และอยากจะมาหาอาหารการกินภายในบ้านของเรามันจะต้องยับยั้งชั่งใจเพราะมันจะรู้อยู่แล้วว่าถ้ามันเข้ามาในบ้านของเราเมื่อไหร่มันต้องเจอกับเคราะห์ร้ายอย่างแน่นอนเพราะเรามีแมวเป็นสัตว์เฝ้าบ้านให้กับเราอยู่กลิ่นของแมวนั้นมันจะมีกลิ่นที่หนูได้กลิ่นแล้วมันจะไม่ชอบ

ดังนั้นถ้าหากว่าบ้านไหนเลี้ยงแมวรับรองได้เลยว่าบ้านของคุณจะต้องไม่มีหนูอย่างแน่นอนนอกจากแมวจะช่วยขับไล่หนูออกจากบ้านให้กับคุณได้แล้วทรายแมวก็ยังสามารถช่วยได้เช่นเดียวกันเพราะทรายแมวนั้นเจ้าของบ้านจะซื้อเอาไว้สำหรับให้แมวไว้ฉี่แล้วก็เอาไว้อึ  ดังนั้นกลิ่นฉุนของฉี่และอึกของแมวนั่นเอง

ที่เมื่อหนูผ่านไปผ่านมาแล้วมันจะรู้สึกเหม็นกลิ่นและรู้ได้ทันทีว่ากลิ่นดังกล่าวนั้นเป็นกลิ่นของแมวและแน่นอนว่าเมื่อมันรับรู้ถึงการมีตัวตนของแมวถึงแม้ว่ามันจะไม่เห็นตัวแมวมีเพียงแค่สายแมวก็ตามหนูมันก็จะเผ่นหนีไปทันทีเช่นกัน 

อย่างไรก็ตามยังมีอีกหลากหลายวิธีที่เราจะสามารถกำจัดหนูออกจากบ้านซึ่งวิธีเบสิคและไม่ต้องไปค้นหาอะไรมาให้ยุ่งยากเลยนั่นก็คือการที่เราทำความสะอาดบ้านไม่ให้บ้านของเรา

สกปรกเลอะเทอะและไม่มีกลิ่นของอาหารเพื่อดึงดูดให้หนูมาที่บ้านของเราหากเรามีการกำจัดเศษอาหารกำจัดเศษขยะภายในบ้านของเราแล้วรับรองได้เลยว่าหนูจะไม่มารังควานคุณอย่างแน่นอน

เนื่องจากโดยปกติแล้วหนูมักจะมาอาศัยในบ้านที่มีเศษอาหารมีขยะให้คุ้ยกินเมื่อใดก็ตามที่มันรู้สึกว่าบ้านที่มันอาศัยอยู่ไม่มีอะไรให้มันกินแล้วมันก็จะไม่อยู่อีกต่อไปและที่สำคัญอย่าพยายามเปิดประตูหน้าต่างทิ้งเอาไว้หากมีท่อมีรูต่างๆตามกำแพงบ้านหรือมุมไหนของบ้านก็ตามให้เราปิดรูต่างๆเหล่านั้นถึงแม้ว่าหนูอาจจะผ่านมาแถวบริ

 

ได้รับการสนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังราคาเท่าไหร่

bookmark_borderเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับการลดน้ำหนักหรือลดไขมัน 

การลดน้ำหนักหรือลดไขมัน  เพื่อนๆคนไหนที่อยากลดน้ำหนักหรือลดไขมัน มีเรื่อง่ายๆ ที่เพื่อนๆต้องรู้ก็จะช่วยทำให้ลดน้ำหนักหรือลดไขมันได้ไวขึ้นด้วยละ เรามาดูกันดีกว่าเรื่องง่ายๆที่เพื่อนๆรู้แล้ว ทำให้ลดความอ้วนหรือลดไขมันได้ไม่ยากเท่าเมื่อก่อนกันเถอะ

-กินอาหารเช้า 

เพื่อนๆอย่าลืมเรื่องการกินอาหารเช้านะ เพราะว่าหลายๆ คนเลยละ ที่ข้ามมื้อเช้า เลือกที่จะไม่กิน บางคนอาจจะควบคุมการหิวในมื้อกลางวันและเย็นได้ดี แต่บางคนถึงกับตบะแตกได้เลยนะ ดังนั้นหากเป็นมือใหม่ในการลดและอยากจะลดให้ได้ระยะยาว แนะนำว่าเพื่อนๆ ควรจะกินมื้อเช้านะ เพราะมันจะช่วยลดอาการหิวในมือถัดๆไปได้ดี 

-เน้นอาหารที่ดี

เพื่อนๆที่คิดจะลดน้ำหนักหรือดลดไขมันให้ได้อย่างต่อเนื่องแนะนำว่าการกินอาหารที่ดีมีประโยชน์นั้นจำเป็นต่อการลดน้ำหนักหรือลดไขมันอย่างมากๆ เลยละ เพราะว่าการที่เพื่อนๆกินดีจะช่วยทำให้ระบบเผาผลาญทำงานดี แคลอรี่ในร่างกายไม่เยอะเกินและไม่สะสมไขมันใหม่ๆ อีกด้วย

-เน้นโปรตีนดี

เพื่อนๆเชื่อไหมละว่าการกินอาหารที่ดีแล้วยังจะต้อง เน้นการกินโปรตีนด้วยนะ เพราะว่าการที่เราไม่กินโปรตีนจะส่งผลให้เราไม่มีกล้ามเนื้อในเวลาที่เราลดน้ำหนักหรือลดไขมันนั้นเอง แต่ถ้าเรากินโปรตีนให้ถึงจะช่วยทำให้เราอิ่มท้องนานและไม่หิวจุกจิกด้วยนะ นอกจากนี้การกินโปรตีนจะช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อเราได้ด้วยนะ การมีกล้ามเนื้อจะช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันได้ดี

-ออกกำลังกายบ้าง

หากเพื่อนๆต้องการลดความอ้วนหรือลดไขมัน ต้องหันมาออกกำลังกายนะ เพราะว่าการที่เราออกกำลังกายจะช่วยทำให้เพื่อนๆนั้นลดไขมันได้ดีที่สุดและการออกกัลงกายจะเป็นตัวกระตุ้นระบบเผาผลาญได้เป็นอย่างดี และในระหว่างวันแนะนำว่าเพื่อนๆควรเดินหรือเคลื่อนไหวร่างกายให้ได้เยอะๆ ด้วยนะ 

-ดื่มน้ำมากและพักผ่อนใหพอ

การดื่มน้ำให้มากๆ สามารถช่วยเพื่อนๆลดน้ำหนักหรือลดไขมันได้ดีมากๆ เช่นกันนะ  เครื่องช่วยฟังราคาเท่าไหร่    เพราะว่าการดื่มน้ำจะช่วยทำให้ระบบร่างกายเราทำงานได้ดี และการพักผ่อนที่เพียงพอก็จำเป็นเหมือนกัน เพราะว่าการที่เพื่อนๆ พักผ่อนดี หรือ นอนเพียงพอจะช่วยเร่งการกระตุ้นระบบเผาผลาญให้ทำงานได้ดีขึ้นได้ด้วยนะ 

-ไม่เครียดทำจิตใจให้สดใส 

เพื่อนๆรู้หรือไม่ว่าการไม่เครียดและมีจิตใจที่สดใสนั้น สามารถช่วยลดความอ้วนหรือลดไขมันได้ดีด้วยนะ เพราะหากว่าเพื่อนๆ เครียดแล้วละก็จะทำให้เพื่อนๆ ลดน้ำหนีกหรือลดไขมันได้ยากละ

bookmark_borderเหตุใดจึงควรเพิ่มการออกกำลังกายในแผนการรักษาโรคมะเร็ง

ผู้ชายหนึ่งในสองคนและหนึ่งในสามของผู้หญิงจะได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งในช่วงชีวิตของพวกเขา ข่าวดีก็คือว่าด้วยการตรวจหาและรักษาที่เร็วขึ้น อัตราการรอดชีวิตของมะเร็งทั่วไปหลายชนิดเพิ่มขึ้น หนึ่งในคำถามที่พบบ่อยที่สุดของผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งคือ “ฉันจะหยุดไม่ให้กลับมาเป็นอีกได้อย่างไร

เรารู้ว่าการออกกำลังกายนั้นดีสำหรับเรา แต่ถ้าออกกำลังกายลดโอกาสที่มะเร็งจะกลับมาอีกล่ะ การวิจัยในปัจจุบันมีจุดมุ่งหมายเพื่อตอบคำถามนี้ และผลลัพธ์ในระยะแรกก็มีแนวโน้มที่ดี โดยแนะนำว่าประโยชน์ของการออกกำลังกายสำหรับผู้ที่เป็นมะเร็งเฉพาะที่อาจคล้ายกับประโยชน์ของเคมีบำบัด การออกกำลังกายไม่สามารถทดแทนการใช้เคมีบำบัดหรือการบำบัดอื่นๆ ได้ แต่เราตระหนักมากขึ้นว่านี่เป็นส่วนสำคัญของแผนการรักษาที่ครอบคลุม

แผนการรักษาโรคมะเร็ง หลักฐานจนถึงปัจจุบัน การศึกษาแนวโน้มโรคในระยะยาว (ระบาดวิทยา) ครั้งใหญ่แสดงให้เห็นว่าผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำมีโอกาสเกิดมะเร็งเต้านม ลำไส้ใหญ่หรือต่อมลูกหมากน้อยกว่าผู้ที่ไม่ออกกำลังกาย ประมาณการแนะนำว่าอาจลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งได้ถึง 60% เรายังทราบด้วยว่าการออกกำลังกายช่วยลดความเสี่ยงของโรคอื่นๆ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคเบาหวาน และการออกกำลังกายช่วยให้บางคนจัดการกับอารมณ์และรูปแบบการนอนหลับของตนเองได้

แต่ถ้าเป็นมะเร็งอยู่แล้วล่ะ การศึกษาระยะยาวของสตรีกลุ่มใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งต่อมาบางคนเป็นมะเร็งเต้านมหรือมะเร็งลำไส้ใหญ่ (ลำไส้) พบว่าผู้ที่รายงานตนเองในระดับที่สูงขึ้นของกิจกรรมทางกายมีอัตราที่ต่ำกว่ามาก (มากถึง 50 %) ของการเกิดซ้ำของมะเร็ง การติดตามพยาบาลเกือบ 3,000 คนพบว่าผู้ที่ออกกำลังกายมากขึ้นหลังจากได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเต้านม ลดความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตก่อนวัยอันควร (จากสาเหตุใดๆ ก็ตาม) และลดความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านม การปฏิบัติตามแนวทางการออกกำลังกายในปัจจุบัน (เช่นการเดินเร็วสองชั่วโมงต่อสัปดาห์) ลดความเสี่ยงของการเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านมได้เกือบครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับผู้ที่อยู่ประจำ

พบผลลัพธ์ที่คล้ายคลึงกันในพยาบาลที่เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ผู้ที่ออกกำลังกายมากกว่าคำแนะนำในการออกกำลังกาย (เช่น เดินเร็ว 4 ชั่วโมง) ลดความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ครึ่งหนึ่ง การศึกษาอื่นในทั้งชายและหญิงที่เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่พบว่าคนที่ออกกำลังกายมากกว่าที่แนะนำขั้นต่ำในแต่ละสัปดาห์ช่วยลดความเสี่ยงที่มะเร็งจะกลับมาอีก (ในสามปี)

ประมาณครึ่งหนึ่ง นั่นคือการปรับปรุงที่แน่นอนประมาณ 10% ไม่ใช่จำนวนกิจกรรมทางกายที่ผู้คนทำก่อนการวินิจฉัยโรคมะเร็งเป็นสิ่งสำคัญ แต่สิ่งที่พวกเขาทำหลังจากนั้น ดูเหมือนว่าจะมีผล “ตอบสนองต่อขนาดยา” ด้วย การออกกำลังกายบางอย่างดีกว่าไม่มีเลย แต่ด้วยเหตุผล การออกกำลังกายมากขึ้นย่อมดีกว่า

แม้ว่าการศึกษาเชิงสังเกตเหล่านี้จะมีแนวโน้มดี แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่บ้าง จำนวนกิจกรรมที่บันทึกขึ้นอยู่กับรายงานตนเอง และผู้คนไม่ได้สุ่มให้เข้าร่วมโปรแกรมกิจกรรมทางกายหรือไม่ ดังนั้นอาจมีอคติอยู่บ้าง เป็นไปได้ว่าผู้ที่รักษามะเร็งได้ดีกว่าก็มีการเคลื่อนไหวร่างกายมากขึ้นเช่นกัน

 

สนับสนุนโดย  เครื่องช่วยฟังราคาเท่าไหร่