bookmark_borderการนอนดึกส่งผลเสีย อย่างไรต่อร่างกายของเราบ้าง

การนอนดึกมีผลเสียต่อร่างกายและสุขภาพของเราอย่างมาก นี่คือบางประการที่สำคัญ

1.สุขภาพหัวใจ: การนอนน้อยเกินไปหรือการนอนดึกอาจเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เช่น โรคหัวใจพุ่งลง (Heart Disease) หรือความดันโลหิตสูง (Hypertension) โดยเฉพาะถ้ามีการตั้งแต่นาน

2.ภูมิคุ้มกันร่างกาย: การนอนไม่เพียงพอสามารถทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลง ซึ่งอาจทำให้เราเสี่ยงต่อการติดเชื้อและโรคต่างๆได้ง่ายขึ้น

3.สมรรถภาพกายและจิตใจ: การนอนไม่เพียงพอสามารถทำให้รู้สึกง่วงและเหนื่อยล้าตลอดวัน ทำให้สมรรถภาพกายและจิตใจลดลง มีผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงานและความจำ

4.น้ำหนัก: การนอนไม่เพียงพออาจทำให้ควบคุมน้ำหนักได้ลำบาก เพราะมีผลต่อระดับฮอร์โมนที่ควบคุมการอยู่รอด ซึ่งอาจเสียหายหรือเปลี่ยนแปลง

5.ความคิดไม่ชัดเจนและปัญหาในการเรียนรู้: การนอนไม่เพียงพอสามารถทำให้ความสามารถในการคิดและเรียนรู้ลดลง ทำให้เกิดปัญหาในการจดจำและทำงานที่ต้องใช้ความสนใจ

6.อารมณ์: การนอนไม่เพียงพออาจทำให้รู้สึกหงุดหงิดหรือเครียดได้ง่ายขึ้น เนื่องจากมีผลต่อระดับฮอร์โมนและสมดุลทางจิตใจ

ดังนั้น การรักษาระยะเวลาการนอนที่เพียงพอและมีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษาสุขภาพที่ดีของร่างกายและจิตใจในระยะยาว

 

การนอนกี่ชั่วโมงต่อวันถึงจะเพียงพอต่อร่างกายต้องการ

การนอนที่เพียงพอต่อร่างกายมักขึ้นอยู่กับอายุและความต้องการของแต่ละบุคคล ดังนั้น มีคำแนะนำเกี่ยวกับเวลาการนอนต่อวันที่แตกต่างกันไปตามกลุ่มอายุดังนี้

1.เด็ก (0-3 ปี): ควรนอนประมาณ 14-17 ชั่วโมงต่อวัน รวมทั้งการนอนในระหว่างวันและกลางคืน

2.เด็ก (4-12 ปี): ควรนอนประมาณ 9-12 ชั่วโมงต่อวัน

3.เยาวชน (13-18 ปี): ควรนอนประมาณ 8-10 ชั่วโมงต่อวัน

4.ผู้ใหญ่ (18-64 ปี): ควรนอนประมาณ 7-9 ชั่วโมงต่อวัน

5.ผู้สูงอายุ (65 ปีขึ้นไป): ควรนอนประมาณ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน

ความสำคัญของการนอนที่เพียงพอเพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของร่างกายได้รับการยอมรับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เนื่องจากมีผลในการฟื้นฟูร่างกาย ปรับปรุงความจำ พัฒนาสมรรถภาพทางสมอง และลดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ ดังนั้น ควรให้ความสำคัญกับการมีเวลานอนที่เพียงพอในทุกวัยช่วงชีวิตของคุณ

 

การนอนมากเกินไปก็สามารถมีผลเสียต่อร่างกายได้เช่นกัน นี่คือบางผลเสียที่อาจเกิดขึ้น

1.ความง่วงและความไม่มีความพร้อมในตื่นมา: การนอนมากเกินไปอาจทำให้รู้สึกง่วงและไม่มีความพร้อมในการตื่นขึ้นมาในเช้าวันถัดไป เนื่องจากการนอนมากเกินไปอาจทำให้ร่างกายเข้าสู่สถานะการหลับลึกเกินไป ซึ่งอาจทำให้รู้สึกมีความง่วงและไม่ตื่นเต้นในการตื่นขึ้นมา

2.ความเสี่ยงต่อโรค: การนอนมากเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลายๆ ประการ เช่น โรคภูมิแพ้ โรคหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคซึมเศร้า

3.สุขภาพจิต: การนอนมากเกินไปอาจมีผลต่อสุขภาพจิตของคุณด้วย หลับมากเกินไปอาจทำให้รู้สึกเฉื่อยชา หรือมีอารมณ์เปลี่ยนแปลง เช่น รู้สึกเศร้าหรือหงุดหงิดได้ง่ายขึ้น

4.ปัญหาในการควบคุมน้ำหนัก: การนอนมากเกินไปอาจทำให้ควบคุมน้ำหนักได้ยากขึ้น เนื่องจากมีผลต่อระดับฮอร์โมนและกระบวนการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย

 

สนับสนุนโดย    hoiana เวียดนาม

bookmark_borderเมื่อเราลดความอ้วนอยู่ ควรทานผลไม้หรือไม่

การรับประทานผลไม้เป็นส่วนสำคัญของโปรแกรมอาหารที่ดีต่อสุขภาพไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาใด แม้ว่าคุณกำลังลดน้ำหนักอยู่ก็ตาม ผลไม้มีประโยชน์มากมายและเป็นส่วนสำคัญของการรักษาสุขภาพที่ดีโดยรวม โดยเฉพาะผลไม้ที่มีใยอาหารสูง เช่น กล้วย แอปเปิ้ล สตรอเบอร์รี และผลไม้อื่นๆ ที่มีปริมาณน้ำตาลธรรมชาติที่เหมาะสม สามารถช่วยในกระบวนการลดน้ำหนักได้ เพราะเป็นอาหารที่ร้อยละสูงของปริมาณน้ำหนักเป็นน้ำ และมีพลังงานต่ำ

 

ดังนั้น ในกรณีที่คุณกำลังลดน้ำหนัก ควรคำนึงถึงปริมาณและชนิดของผลไม้ที่คุณบริโภค เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการบริโภคพลังงานเกินไป และเลือกผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อกระบวนการลดน้ำหนักของคุณอย่างเหมาะสม คุณสามารถปรึกษากับนักโภชนาการหรือแพทย์เพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรมอาหารที่เหมาะสมสำหรับการลดน้ำหนักของคุณได้ด้วย

โดยพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น อายุ น้ำหนักปัจจุบัน สุขภาพโดยรวม และกิจกรรมทางกายที่ทำในแต่ละวัน อย่างไรก็ตาม การรับประทานผลไม้เป็นส่วนสำคัญของการรักษาสุขภาพที่ดีโดยรวม และไม่ควรถูกเพิกเฉยไปเพราะการลดน้ำหนักในขณะนี้

 

ผลไม้ที่กินแล้วไม่อ้วน มีอะไรบ้าง

 

ผลไม้เป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและมักจะมีพลังงานต่ำ ซึ่งสามารถช่วยในการควบคุมน้ำหนักได้เมื่อบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม ดังนั้น ผลไม้ที่มีความน่าจะเป็นที่จะไม่ทำให้เกิดอ้วนได้มีมากมาย นับเป็นตัวอย่างได้แก่

1.กล้วย: มีปริมาณใหญ่ของกาบิน ทำให้รู้สึกอิ่มและลดความอยากอาหาร

2.แอปเปิ้ล: มีใยอาหารมากและน้ำตาลธรรมชาติซึ่งมีความหวานที่สมดุล

3.สตรอเบอร์รี: มีปริมาณน้ำมาก ช่วยให้รู้สึกอิ่มและสะสมน้ำตาลธรรมชาติ

4.ผลไม้เบอร์รี่: มีแอนทิออกซิแดนที่ช่วยลดการติดต่อ

5.มะละกอ: มีปริมาณน้ำสูง ช่วยให้รู้สึกชื่นใจและช่วยในกระบวนการย่อยอาหาร

นอกจากนี้ ควรระวังการบริโภคผลไม้ที่มีน้ำตาลเพิ่มเติมหรือสารเสริมเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เพิ่มพลังงานเกินไปและส่งผลให้เกิดน้ำหนักเกินไปได้ในที่สุด

ผลไม้ที่ควรเลี่ยง ไม่ควรรับประทานโดยเฉพาะคนที่กำลังลดความอ้วน

สำหรับผู้ที่กำลังพยายามลดน้ำหนักหรือรักษาน้ำหนักในเกณฑ์ที่เหมาะสม ควรระมัดระวังกับผลไม้ที่มีปริมาณน้ำตาลสูง และมีความหวานสูง เนื่องจากมักจะมีพลังงานสูง ซึ่งอาจทำให้เกิดเสี่ยงให้เพิ่มน้ำหนักได้ ตัวอย่างของผลไม้ที่ควรเลี่ยงหรือรับประทานในปริมาณจำกัดได้แก่

1.กล้วย: มีปริมาณน้ำตาลสูง เนื่องจากมีการแปรสภาพแป้งไว้ในลำต้นของกล้วย และอาจทำให้เกิดการสะสมพลังงานเกินได้

2.แอปเปิ้ล: แม้จะมีใยอาหารสูง แต่ก็มีปริมาณน้ำตาลสูง อย่างไรก็ตาม การรับประทานแอปเปิ้ลในปริมาณที่เหมาะสมไม่ควรทำให้เกินความจำเป็น

3.แก้วมังกร: มีความหวานสูง และมีปริมาณน้ำตาลเพิ่มเติม ทำให้มีพลังงานสูง

4.ลูกพลับ: มีปริมาณน้ำตาลสูงและพลังงานสูง

5.ส้ม: มีปริมาณน้ำตาลสูง เนื่องจากการอัดน้ำหนักของส้ม และอาจส่งผลให้เพิ่มน้ำหนักได้

 นอกจากนี้ ควรระวังการบริโภคผลไม้ที่มีการปรุงแต่งหรือผสมกับสารเพิ่มเติม เช่น น้ำตาลหรือคาร์บอนเนต ซึ่งอาจเพิ่มปริมาณพลังงานและน้ำตาลเข้าไปในอาหารได้

 

สนับสนุนโดย    ใส่เครื่องช่วยฟังดีไหม

bookmark_borderตรวจทานบ้านกันยังไง ให้ครบถ้วนบริบูรณ์

ตรวจทานบ้านกันยังไง ให้ครบถ้วนบริบูรณ์ ตรวจทานบ้านควรทำให้ละเอียดถ้าจะให้ดีแนะนำตรวจโดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญดีกว่า

– ตรวจประตู หน้าต่าง บานเกล็ด ว่าจัดตั้งเป็นระเบียบเรียบร้อยไหม สามารถเปิดปิด ล็อคได้ตามคอนเซ็ปหรือไม่ และก็การพิจารณา ลูกบิด มือจับ กุญแจ ว่าใช้ได้จริงหรือไม่ และพบคราบสนิมหรือเปล่า

– ตรวจเช็คพื้น โดยยิ่งไปกว่านั้นระหว่างจุดเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ อาทิเช่น พื้นปูนกับขอบไม้ ไม้ปาร์เก้ บางทีอาจควรต้องทดลองเดินมองให้ทั่ว ๆ ว่ามีส่วนใดจัดตั้งไม่เรียบร้อยหรือเปล่า

– ตรวจเช็คฝาผนัง การทาสีบ้าน หรือบ้านไหนใช้วอลเปเปร์ก็ลองตรวจดู การปูนฉาบฝาผนัง ถ้าเกิดมีตำหนิ หรือปัญหาจุดใด ให้ใช้ชอล์คทำเครื่องหมายไว้

– ตรวจเช็คเพดาน ทุกห้องข้างบน มองว่ามีรอยรั่วจากหลังคาหรือเปล่า ตรงส่วนนี้บางทีอาจวิเคราะห์ได้ยากกว่าส่วนอื่น ๆ เพราะเหตุว่าชอบประสบปัญหาก็เมื่อฝนตกจริง ๆ เท่านั้น

– ตรวจเช็คระบบกระแสไฟฟ้า ทำเปิดไฟทุกดวงในบ้าน เช็คว่าสามารถใช้งานได้จริงหรือไม่ ใช้ได้ครบทุกดวงไหม รวมทั้งใช้ไขควงสำหรับเพื่อการพิจารณาปลั๊กไฟทุกจุด ว่ากระแสไฟฟ้าสามารถใช้งานได้ธรรมดาไหม เมื่อตรวจเช็คด้วยการเปิดปิดไฟเสร็จแล้ว ถัดมาให้กระทำการปิดให้ แล้วก็กระทำการเช็คมิเตอร์ไฟ ว่ายังหมุนหรือเปล่า ถ้ากระทำปิดสวิตช์หมดแล้ว แต่ว่ายังหมุนอยู่ ระบบกระแสไฟฟ้าในบ้าน อาจมีส่วนที่ไฟรั่ว ซึ่งทำให้ค่าไฟแย่ลงกว่าเดิมในอนาคตได้

– ตรวจเช็คระบบน้ำ ทำทดลองเปิดก๊อกน้ำทุกจุด และก็ปิดให้หมดทุกจุด ต่อจากนั้นกระทำตรวจเช็คที่มาตรวัดน้ำ ว่ายังหมุนหรืออยู่กับที่ ถ้ายังหมุนธรรมดา บางทีอาจซึ่งก็คือระบบท่อด้านในภายแตกรั่วได้

– วิเคราะห์พื้น ในตำแหน่งที่จำต้องรองรับน้ำ ยกตัวอย่างเช่น ส้วม ระเบียงบ้าน ลานชะล้าง หรือจุดอื่น ๆ กระทำเทน้ำราดลงพื้น แล้วสังเกตว่า น้ำไหลไปทางแนวทางที่จัดวางไว้หรือไม่ เกิดการท่วมขังไหม

– ตรวจดูความเรียบร้อยของสุขา วิเคราะห์คราบ มีส่วนที่ไม่สามารถที่จะชำระล้างได้ไหม ตรวจทานการปูพื้นรวมทั้งบุฝาผนัง ว่ามีรอยบิ่นหรือแตกหักหรือเปล่า

– ตรวจดูรอยร้าวบนฝาผนัง พินิจให้ดีก่อนว่า เป็นรอยร้าวซึ่งสามารถปรับปรุงได้ไหม รอยร้าวธรรมดาจะมี 2 แบบ เป็นรอยร้าวจากการก่ออิฐที่มิได้ประสิทธิภาพ รอยร้าวจากการฉาบปูนไม่เกาะกับก้อนอิฐ รอยร้าวชนิดนี้ ไม่ทำให้เกิดผลเสียเท่าไรนัก สามารถซ่อมแซมเพิ่มได้อย่างสะดวก ส่วนรอยร้าวอีกจำพวก

ซึ่งทำให้เกิดความเสื่อมโทรมรวมทั้งอันตรายต่อผู้อาศัยหมายถึงรอยร้าวที่เกิดขึ้นมาจากส่วนประกอบ รากฐาน เสา คาน แล้วก็ประจำถิ่น ซึ่งมีต้นเหตุจากการออกแบบที่บกพร่อง ก่อสร้างผิดพลาด มีการยุบที่แตกต่างกันขององค์ประกอบ หรือมีต้นเหตุจากปัญหาอื่น ๆ ถ้าหากเจอรอยร้าวจำพวกดังที่กล่าวมาแล้ว ควรจะให้วิศวกรรมตรวจทาน มาตรวจตราอีกรอบ

เมื่อใดที่พวกเราเจอจุดบกพร่อง ให้กระทำการเขียนบันทึกไว้อย่างละเอียดลออ แล้วทำรายการที่จำเป็นต้องปรับแก้ให้กับผู้รับเหมาก่อสร้าง หรือผู้ครอบครอง แผนการบ้าน หมู่บ้านจัดสรร เพื่อทำปรับปรุงแก้ไขใหม่ และก็นัดหมายตรวจทานงานอีกที

 

สนับสนุนโดย    Inspire Entertainment Resort

bookmark_borderเคล็ดลับของการเลี้ยงลูกน้อย ให้มีความเก่งและมั่นใจ

การเลี้ยงลูกมันไม่ได้ยากขนาดนั้น แต่มันก็ไม่ได้ง่ายเอาสะเลย หากใครที่กำลังเป็นแม่คนอยู่ เราขอแนะนำการที่จะทำให้ลูกของคุณนั้นมีความเก่ง และมีความมั่นใจกล้าแสดงออก กล้าตัดสินใจ หากคุณเป็นคุณแม่มือใหม่ เรามารับมือและเลี้ยงลูกไปพร้อมกันดีกว่า

เราจะทำอย่างไรให้ลูกของเราโตขึ้นมามีความมั่นใจ

1.พิจารณาการให้คำชื่นชม

การเลือกที่จะชมลูกในเรื่องต่างๆ ไม่ใช่ว่าลูกของคุณทำอันไหนได้ก็ชมไปสะหมด เด็กจะเกิดการชิน ว่าการชมเป็นสิ่งที่ดีหรือว่าทำอะไรก็ต้องรอให้พ่อแม่มาชม ดังนั้นการเลือกชมเฉพาะบางสิ่งจึงถือได้ว่ามันเป็นเรื่องที่พิเศษ อย่างไรก็ตามการให้กำลังใจลูกเป็นสิ่งจำเป็น แต่ถ้าเรื่องนั้นมันพิเศษมากๆคุณก็ควรชมแต่ก็ไม่ควรที่จะให้กำลังใจทุกๆเรื่อง รวมถึงเรื่องที่เด็กทำในประจำวันอันนี้ก็ไม่ต้องชมก็ได้

 

2.อย่าพยายามช่วยลูกๆทุกเรื่อง

การปล่อยให้ลูกน้อยของคุณทำอะไรเองบ้างก็เป็นการฝึกทักษะให้อย่างหนึ่ง การที่เขากล้าที่จะทำก็ย่อมเป็นผลดีในอนาคต หากคุณช่วยเขาทุกเรื่องต่อไปเขาจะไม่มีความกล้าอะไรเลย หรือจะทำอะไรไม่เป็นเพราะต้องรอให้พ่อแม่มาช่วยอยู่ตลอด แบบนี้โตไปจะกล้าทำอะไรเองได้อย่างไร ดังนั้นพ่อแม่ไม่ควรที่จะฝึกความเคยชินด้วยการช่วยลูก ปล่อยให้เขาลองทำเรื่องผิดถูกดูบ้างจะเป็นการฝึกวินัยไปในตัว

 

3.ให้ลูกเลือกตัดสินใจเอง

หากมีการคิดการตัดสินใจใดๆก็ตาม เราผู้เป็นพ่อแม่ควรที่จะปล่อยให้ลูกนั้นหาข้อมูลหรือตัดสินใจอะไรเองบ้าง บางครั้งอาจจะไม่ตรงกับใจเราเท่าไหร่ แต่มันคือความชอบของลูก เราควรมองอยู่ห่างๆ ให้เขาได้คิดได้ตัดสินใจ ในเรื่องที่เขาต้องตัดสินใจ พ่อแม่ไม่ควรเข้ามาจุ้นทุกเรื่องหรือตัดสินใจแทนเลย เพราะมันจะส่งผลต่อการตัดสินใจของลูกในอนาคตได้

 

4.ส่งเสริมการชอบของลูก

ไม่ว่าลูกของท่านจะชื่นชอบอะไรเราผู้เป็นผู้ปกครองจำเป็นที่จะต้องส่งเสริมการชอบของลูกเพียงเพราะเขามีการตัดสินใจ เลือกสิ่งที่ชอบ ดังนั้นเราควรคอยให้คำแนะนำเท่านั้นแต่ไม่ควรเข้าไปขวาง หรือห้ามในสิ่งที่ลูกชอบ สิ่งที่ลูกชอบนั้นมันไม่ได้แค่ส่งเสริมความคิดแต่มันจะทำให้ลูกมีความมั่นใจ การตัดสินใจ และลูกของคุณจะเก่งขึ้นมาได้ ยกตัวอย่างเช่นการเล่นกีฬา หากลูกน้อยของคุณชอบ และต้องกสนเล่น คุณก็ควรที่จะสนับสนุน ไม่ควรห้ามหรือไม่ต้องคิดเองเออเองว่าลูกอาจจะล้ม อาจจะเจ็บ ปล่อยให้เขาได้ทำอะไรด้วยตนเอง

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จ

bookmark_border3 การออกกำลังกายที่ดีต่อร่างกายและช่วยลดคอเลสเตอรอล

หลายคนอาจจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่า การออกกำลังกายเป็นประจำนั้นดีต่อสุขภาพร่างกายของเราเป็นอย่างมาก เพราะไม่เพียงแต่ช่วยส่งเสริมการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง แต่ยังช่วยป้องกันร่างกายของเราจากการเป็นโรคร้าย แถมยังมีส่วนช่วยในการลดการสะสมของไขมัน คอเลสเตอรอลได้อีกด้วย

เนื่องจากคนส่วนใหญ่นั้นมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคคอเลสเตอรอลสูงมาก

เพราะมีพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสม และร่างกายขาดการออกกำลังกาย จึงอาจเพิ่มโอกาสเสี่ยงทำให้ร่างกายสะสมคอเลสเตอรอลนั่นเอง ถึงแม้ว่าโรคนี้จะพบเจอได้บ่อย และดูเป็นโรคที่ไม่ได้มีความอันตราย

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการที่เล็กน้อย การให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพร่างกาย ก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่เราไม่ครมองข้าม อย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่กำลังพบเจอกับปัญหาการสะสมของคอเลสเตอรอลสูง และอยากที่จะป้องกันตนเองด้วยการหันมาออกกำลังกาย

ซึ่งวันนี้เราก็จะมาแนะนำวิธี  เครื่องช่วยฟังตัดเสียงรบกวน    การออกกำลังกายที่ดีต่อร่างกาย ช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ รับรองได้เลยว่าหากเราออกกำลังกายเป็นประจำจะยิ่งดีต่อร่างกายของเราอย่างแน่นอน จมีอะไรบ้างไปดูกันเลย 

1.การวิ่ง เป็นหนึ่งในรูปแบบการออกกำลังกายที่ได้รับความนิยม แถมยังดีต่อสุขภาพร่างกายของเราเป็นอย่างมากอีกด้วย เพราะการวิ่งนอกจากจะช่วยลดน้ำหนักได้แล้ว ยังมีส่วนช่วยในการลดคอเลสเตอรอลได้ ช่วยขับไขมันเลวออกจาร่างกายของเราได้ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ จึงมีส่วนช่วยทำให้คอเลสเตอรอลภายในเลือดของเรานั้นอยู่ในระดับที่เป็นปกตินั่นเอง 

2.การว่ายน้ำ เป็นการออกกำลังกายที่สามารถสร้างความแข็งแรงให้ร่างกายได้แทบทุกส่วน ทั้งยังสามารถเล่นได้ทุกเพศทุกวัย เหมาะสมสำหรับคนที่ต้องการสร้างความแข็งแรง และลดคอเลสเตอรอลภายในร่างกาย เพราะการว่ายน้ำ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในตัวช่วยที่ดีมาก ๆ สำหรับคนที่มีภาวะคอเลสเตอรอลสูง เพราะหากเราได้ว่ายน้ำเป็นประจำ ก็จะสามารถช่วยกระตุ้นการทำงานของร่างกาย ทำให้ร่างกายของเราแข็งแรง และช่วยลดการสะสมของคอเลสเตอรอลได้อีกด้วย 

3.การออกกำลังกายแบบแรงต้าน การออกกำลังกายในรูปแบบร้ ถึงแม้ว่าหลาย ๆ คนอาจจะไม่ค่อยรู้จัก แต่ของบอกเลยว่า เป็นการออกกำลังกายที่สามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลได้เป็นอย่างดี แถมยังมีส่วนช่วยในการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ

ช่วยกำตัดไขมันเลวออกจากร่างหายของเราได้ รับรองได้เลยว่า หากใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับกสนลดคอเลสเตอรอล การออกกำลังกายในรูปแบบนี้จะสามารถช่วยให้ร่างกายของเรามีคอเลสเตอรอลยู่ในระดับที่ปกติได้

bookmark_borderผักที่ไม่ควรนำมากินดิบๆ อาจส่งผลอันตรายแก่ร่างกายของคุณได้

สำหรับผักบางชนิดเราก้ไม่ควรที่จะนำมาทานแบบดิบๆ หรือบางทีก็ต้องดูด้วยว่ามันอาจจะไม่เหมาะกับคนที่เป็นโรคบางชนิด โดยเรามักจะมองข้ามสำหรับผักที่ห้ามกินแบบดิบๆ โดยเฉพาะถั่วงอกนั้น เนื่องจากว่ามันมีสารปนเปื้อนบางอย่างอยู่ โดยมีการออกมาพูดกันหลายประเทศแล้วว่ามันมีสารที่ปนเปื้อนอยู่ไม่ควรที่จะกินแบบดิบๆ เพราะจะก่อให้เกิดอันตรายมากกว่าการได้รับ

ผักที่เราไม่ควรนำมาทานแบบดิบๆได้แก่

1.ถั่วงอก

ถึงแม้ว่าถั่งงอกนั้นจะมีประโยชน์ก็จริง แต่ถ้าเราทานดิบๆก็อาจได้รับสารปนเปื้อนที่เป็นเชื้อราตามมาด้วย ซึ่งแน่นอนว่ามันจะส่งผลลบต่อร่างกายของเรา แต่ถ้าเรานำถั่วงอกไปผ่านความร้อนแล้วเราเชื่อว่าคุณจะได้ประโยชน์มากแน่ๆ นอกจากจะได้รับสารอาหารที่ดีแล้วเรายังปลอดภัยอีกด้วย ซึ่งสิ่งที่ดีในการนำถั่วงอกมารับประทานก็คือการปรุงสุกและการล้างทำความสะอาดให้มากพอที่สารปนเปื้อนเหล่านั้นจะหายไป

2.กะหล่ำ

ไม่ว่าจะเป็นกะหล่ำดอกหรือว่าจะเป็นกะหล่ำปลีจำพวกกะหล่ำนี้ ไม่เหมาะกับกลุ่มคนที่เป็นโรคไทรอยด์อย่างแน่นอน เพราะว่าคนที่เป็นโรคไทรอยด์นั้นจะมีการทำงานของระบบภายในร่างกายที่ไม่ปกติ ซึ่งกะหล่ำจะช่วยในการเข้าไปเพิ่มการยับยั้งต่อการดูดซึมเข้าไปอีก ทีนี้ถ้าเขารับประทานกะหล่ำเข้าไปอีกโดยเฉพาะกะหล่ำปีดิบ

จะส่งผลการยับยั้งภายในร่างกาย อาจจะก่อให้ต่อมไทรอยด์โตขึ้นหรืออาการอาจจะทรุดหนักลงไปได้ แต่ถ้าคนไม่ได้เป็นไทรอยด์ก็ควรกังวลหากกินดิบเพราะกะหล่ำนั้นมีสารฆ่าแมลงค่อนข้างเยอะ

3.หน่อไม้และมันต่างๆ

สิ่งเหล่านี้มันจะมีสารไซยาไนด์ปะปนอยู่ ซึ่งแน่นอนว่ามันจะส่งผลต่อสุภาพของคุณในระยะยาว ถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยนะ ดังนั้นการนำไปต้มที่ใช้เวลานานๆจึงช่วยได้ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นหน่อไม้หรือจำพวกมันก็ตามจำเป็นที่จะต้องนำไปต้มก่อน สัก 10-15 นาทีเพื่อฆ่าสิ่งเจือปนเหล่านี้ แล้วค่อยนำมาทาน แต่ผู้ที่ชอบทานดิบเราไม่ขอแนะนำนะ

4.ถั่วฝักยาว

การกินถั่วฟักยาวสำหรับบางคนจะรู้สึกว่ามันไม่ย่อยหรือบางคนก็อาจจะเกิดอาการท้องอืดได้ซึ่ง  เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จ    มันอาจจะส่งผลสำหรับบางคนก็ได้เช่นกัน สำหรับผู้คนที่ชอบกินดิบสำหรับทัวร์ฟักยาวนี้ต้องบอกว่ามันมีสารฆ่าแมลงที่ค่อนข้างสูงดังนั้นการกินเข้าไปให้ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อหรือผ่านการสุขแล้วอาจจะทำให้คุณได้รับสารยาฆ่าแมลงกับเขาไปได้สูงเช่นกัน

ไม่ว่าจะทานอะไรก็ตามการทำความสะอาดล้างสารที่ปนเปื้อนมานี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นและสำคัญมากอย่างเช่นถั่วฝักยาวนี้ก็เช่นกันถ้าหากคุณไม่ทานแบบสุขก็ควรที่จะล้างทำความสะอาดให้ถูกต้อง

bookmark_borderการคาดการณ์แนวโน้มตลาดเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวปี 2024

ในภูมิทัศน์ด้านสุขภาพและความงามที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การก้าวนำหน้าไม่ใช่แค่ข้อได้เปรียบเท่านั้น มันเป็นความจำเป็นเชิงกลยุทธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากธุรกิจของคุณมีส่วนร่วมในเบื้องหลังการสร้างสรรค์ การสร้างแบรนด์ หรือการผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว

การทำความเข้าใจแนวโน้มที่กำลังจะเกิดขึ้นถือเป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จของคุณ ปลดล็อกอนาคตของธุรกิจความงาม: เทรนด์เครื่องสำอางปี 2024

บทความนี้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับ “แนวโน้มธุรกิจเครื่องสำอางและอุตสาหกรรมปี 2024” ซึ่งจะนำเสนอข้อมูลคร่าวๆ และคำแนะนำเกี่ยวกับการพัฒนาที่กำลังจะเกิดขึ้นในภาคสุขภาพและความงาม ไม่ว่าคุณจะผลิตผลิตภัณฑ์เสริมความงาม ติดฉลากของคุณเอง หรือผลิตเพื่อผู้อื่น บทความนี้มีบางอย่างสำหรับคุณ

เราจะสำรวจเทรนด์ต่างๆ เช่น บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (คิดว่ายั่งยืนและดีต่อโลก) ความหลากหลายสร้างความงามอย่างไร

(ทำให้แน่ใจว่าทุกคนรู้สึกมีส่วนร่วม) และประสบการณ์ส่วนตัว (ปรับแต่งมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ) ยินดีต้อนรับสู่แนวหน้าของความงามในปี 2024 ที่โอกาสที่น่าตื่นเต้นรอผู้ที่กล้าที่จะมองอย่างใกล้ชิด

เทรนด์เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว 10 อันดับแรกของปี 2024 ต่อไปนี้เป็นแนวโน้มธุรกิจเครื่องสำอางและอุตสาหกรรมที่มาแรงที่สุดในปี 2024 โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่กำลังมองหาการสร้างแบรนด์เครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวของตนเอง ส่วนผสมที่ปลอดภัยในประเด็นเด่น ในขณะที่ผู้บริโภคตระหนักถึงส่วนผสมมากขึ้น

ผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่สะอาดและยั่งยืนจะยังคงครองตลาดเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่อไป เมื่อค้นหาผู้ผลิตและซัพพลายเออร์ป้ายขาวหรือป้ายชื่อส่วนตัว ให้คำนึงถึงแนวโน้มที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมนี้ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ผสมผสานเทคโนโลยี: เตรียมพร้อมสำหรับอุปกรณ์และแอปดูแลผิวอัจฉริยะที่ปรับแต่งกิจวัตรตามความต้องการของผิวคุณ

ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางฉลากส่วนตัวของคุณกำลังจะได้รับการอัพเกรดเทคโนโลยีขั้นสูง Inclusive Beauty: เจ้าของแบรนด์โปรดทราบ! แบรนด์ความงามจะยังคงเฉลิมฉลองความหลากหลายด้วยเฉดสีที่มากขึ้นและแคมเปญการตลาดที่ครอบคลุมมากขึ้น ความงามเป็นของทุกคน และปี 2024 จะสะท้อนสิ่งเหล่านั้น

บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เมื่อพิจารณาถึงบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ได้เป็นเพียงแค่กระแสที่ผ่านไป แต่เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในปัจจุบัน คาดหวังตัวเลือกบรรจุภัณฑ์แบบรีฟิล รีไซเคิลได้ และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมากขึ้นในกระบวนการผลิตเครื่องสำอางของคุณ

การลองเสมือนจริง: การลองก่อนซื้อจะสะดวกยิ่งขึ้นด้วยประสบการณ์การลองเสมือนจริงที่ขับเคลื่อนด้วย AR และ VR บอกลาความสงสัยที่สำนึกผิดของผู้ซื้อ แบรนด์อินดี้ที่กำลังเติบโต: แบรนด์เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีนวัตกรรมขนาดเล็กลงจะเข้ามาพลิกโฉมอุตสาหกรรมด้วยสูตรเฉพาะและการตลาดแบบนอกกรอบ จับตาดูผู้แพ้

Wellness-Infused Beauty ความงามไม่ใช่แค่เพียงผิวเผินเท่านั้น ผลิตภัณฑ์ที่ส่งเสริมความเป็นอยู่โดยรวมจะได้รับความสนใจ และทำให้เส้นแบ่งระหว่างผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและการดูแลตัวเองในโลกของการผลิตเครื่องสำอางพร่ามัว เครื่องสำอางเฉพาะบุคคล คาดว่าจะมีผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมที่ปรับให้เหมาะกับสีผิวและความชอบของแต่ละบุคคล ทำให้การพัฒนาฉลากและฉลากสีขาวเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มมากขึ้นด้วยขอบเขตใหม่!

ข้อมูลเชิงลึกด้านความงามที่ขับเคลื่อนด้วย AI: AI ถูกกำหนดให้ปฏิวัติอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวโดยเสนอคำแนะนำผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคลและกิจวัตรการดูแลผิวตามความต้องการของแต่ละบุคคล เทคโนโลยีนี้จะเป็นตัวเปลี่ยนเกม

สำหรับเจ้าของแบรนด์จำนวนมาก ช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายด้านความงามและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ความร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ระดับโลก: อินฟลูเอนเซอร์ด้านความงามระดับนานาชาติและความร่วมมือระหว่างวัฒนธรรมจะยังคงสร้างแรงบันดาลใจและกำหนดทิศทางความงามทั่วโลก ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีสำหรับธุรกิจไพรเวทเลเบลและไวท์เลเบลในการขยายการเข้าถึง วิวัฒนาการอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมความงามนำเสนอศักยภาพอันยิ่งใหญ่สำหรับผู้ที่พร้อมจะปรับตัว สร้างสรรค์ และคว้าโอกาสที่เกิดขึ้นใหม่

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    ถ่านเครื่องช่วยฟัง

bookmark_borderรั้วบ้านแบบไหนที่จะเข้ากับสไตล์บ้านของคุณ

รั้วบ้านแบบไหนที่จะเข้ากับสไตล์บ้านของคุณนอกเหนือจากเรื่องฮวงจุ้ยแล้ว อุปกรณ์ที่ใช้เพื่อทำรั้วบ้านก็สำคัญ ในสมัยก่อนรั้วบ้านเป็นเพียงแค่สิ่งที่ใช้ระบุเขตแดนของบ้าน และก็คุ้มครองให้ปลอดภัยจากมิจฉาชีพเป็นด่านแรก แม้กระนั้นในตอนนี้รั้วบ้านนับว่าเป็นส่วนประกอบหนึ่งของบ้านที่จะต้องตกแต่งให้มีความสวยสดงดงาม

เพื่อเพิ่มความน่าอยู่แล้วก็ดูดีให้กับบ้าน เมื่อเอ่ยถึงการผลิตรั้วบ้าน แน่ ๆ ว่าในตอนนี้มีอุปกรณ์ให้เลือกอย่างมากมาย ตามความพอใจของคนภายในบ้าน พวกเราลองมองอุปกรณ์ยอดนิยมที่คนนิยมเอามาทำรั้วบ้านกัน

– รั้วไม้

รั้วไม้นับเป็นรั้วยอดนิยมมากมาย เนื่องจากว่าราคาไม่สูงมีเอกลักษณ์และก็ลวดลายส่วนตัว แม้กระนั้นจะต้องหมั่นดูแลอย่างสม่ำเสมอ ด้วยเหตุว่าไม้บางทีอาจสลายตัวไปตามระยะเวลา รวมทั้งบางทีอาจกำเนิดปัญหาจากการบวมของไม้ หรือไม้ผุพังได้ การใช้รั้วไม้สามารถเลือกระยะห่างของแผ่นไม้ได้ตามใจชอบ แม้ไม่อยากให้บุคคลภายนอกมองดูทะลุมองเห็นเข้ามาในบ้านสามารถเลือกวางไม้ชิดกัน แต่ว่าถ้าต้องการเพิ่มความโล่งโล่งเตียนเตียนสามารถเลือกวางไม้ให้ห่างกันได้

– รั้วอะลูมิเนียม

นับว่าเป็นรั้วบ้านที่หลาย ๆ บ้านเลือกใช้ เนื่องจากว่าสามารถรับกับสไตล์บ้านได้ดูเหมือนจะทุกแบบ เป็นรั้วที่ปลอดภัย และก็แข็งแรง มีให้เลือกนานัปการแบบ  เครื่องช่วยฟัง    แล้วก็รักษาง่าย

– รั้วเหล็ก

รั้วที่ทำมาจากเหล็กเป็นรั้วที่มีความแข็งแรงแล้วก็คงทนมากมาย สามารถดีไซน์ลวดลายได้นานาประการ ช่องว่างของซี่เหล็กแต่ละอันทำให้รั้วมองโปร่ง มองเห็นทิวทัศน์ได้ทั้งยังด้านในแล้วก็ข้างนอกบ้าน แต่ว่าราคาออกจะสูง มีน้ำหนักมากมาย แล้วก็กำเนิดสนิมได้ง่าย รั้วเหล็กนั้นเหมาะสมกับบ้านสไตล์โมเดิร์น เพราะว่าจะช่วยเพิ่มความล้ำยุคให้กับบ้านเยอะขึ้นเรื่อย ๆ

– รั้วปูน

รั้วปูนเป็นรั้วที่ก่อจากก้อนอิฐหรือคอนกรีตสำเร็จรูปและก็ฉาบปูนทับ จุดเด่นของรั้วบ้านประเภทนี้เป็นความแข็งแรง ไม่มีอันตราย ราคาไม่สูง แม้กระนั้นรั้วบ้านจะมองทึบ เนื่องจากว่ารั้วนี้ลมไม่สามารถที่จะพัดไปสู่บ้านได้

– รั้วผสม

ในตอนนี้เริ่มมีรั้วบ้านแบบผสมเพิ่มมากขึ้น อาทิเช่น รั้วปูนผสมรั้วเหล็ก ที่บางทีอาจสร้างโดยใช้ฐานปูนในข้างล่างของรั้วแล้ว ส่วนบนใช้เป็นรั้วเหล็กซี่ รั้วจำพวกนี้ขึ้นกับความชอบใจของเจ้าของบ้าน สามารถวางแบบได้ตามสมควร

รั้วบ้านอาจจะโดนมองข้ามในเรื่องของฮวงจุ้ย เพราะเป็นสิ่งที่อยู่เกือบนอกตัวบ้านแล้ว ซึ่งในความเป็นจริงนั้น หากตามความเชื่อก็ควรจะคำนึงถึงด้วยเช่นกัน  เพราะเป็นทางเข้าออกคน รวมถึงพลังงานด้านดีและไม่ดี หากทำตามหลักก็จะยิ่งเป็นมงคล 

bookmark_borderเปิดเคล็ดลับลดน้ำหนักอย่างไรให้ปลอดภัย

การออกกำลังกาย เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่สามารถสร้างความแข็งแรง และสามารถช่วยลด้ำหนักได้ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า คนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้ หันมาให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายกันมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะไม่ว่าใครก็ตามก็คงอยากที่จะมีสุขภาพร่างกายที่ดี

เพื่อให้การดำเนินชีวิตนั้นเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ แถมการออกกำลังกาย ยังเป็นกิจกรรมที่เรียกได้ว่า ได้รับความเป็นอย่างมากอีกด้วย

ฉะนั้น การที่เราจะสร้างรูปร่างที่ดี สร้างหุ่นที่สวยให้ตนเอง ปัจจุบันนี้สามารถทำได้หลากหลายวิธีที่แตกต่างกันออกไป เพราะการออกกำลังกายจะมีหลายประเภทมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งการออกกำลังกายแบบสร้างความแข็งแรง สร้างกล้ามเนื้อ หรือการอออกกำลังกายแบบช่วยลดน้ำหนักนั่นเอง

แต่รู้หรือไม่ว่า คนส่วนใหญ่ในสมัยนี้ มักที่จะมีพฤติกรรมการออกกำลังกายแบบผิดวิธี จนทำให้ร่างกายได้รับผลกระทบ และไม่ปลอดภัย

แต่ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะหากใครที่อยากมีร่างกายที่สมส่วน มีร่างกายที่แข็งแรง และอยากที่ออกกำลังกายลดน้ำหนักได้อย่างปลอดภัย ซึ่งก็ใต้องเป็นกังวลไป เพราะวันนี้เราจะมาแนะนำเคล็ดลับง่าย ๆ ที่จะช่วยให้คุณนั้นสามารถลดน้ำหนักได้อย่างปลอดภัย จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย 

  • การลดอาหารแปรรูป

เนื่องจากคนส่วนใหญ่ ดำเนินชีวิตด้วยการทานอาหารแปรรูปกันเยอะมาก ๆ เพราะเป็นอาหารที่ทานง่าย เก็บได้นาน แต่รู้หรือไม่ว่า แท้ที่จริงแล้วอาหารแปรรูปที่เราทานอยู่บ่อย ๆ นั้น เป็นอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพมาก ๆ เพราะนอกจากจะไม่มีสารอาหารที่เพียงพอแล้ว

ยังอาจทำร้ายร่างกายของเราได้ง่ายอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่อยู่ในช่วงของการลดน้ำหนัก ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับการเลือกทานอาหาร เพื่อทำให้การลดน้ำหนักมีประสิทธิภาพและปลอดภัยนั่นเอง 

  • การควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์

แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ มักที่จะมีรูปร่าง และมีน้ำหนักที่ไม่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน จึงจำเป้นอย่างยิ่งที่จะต้องหันมาออกกำลังกาย หรือลดน้ำหนัก เพื่อสร้างความสมส่วนให้แก่ร่างกาย ซึ่งรู้หรือไม่ว่า การที่เราจะมีสุขภาพร่างกายที่ดี มีรูปร่างที่สมส่วนได้นั้น

ปัจจัยสำคัญไม่เพียงแต่เป็นการออกกำลังกายเท่านั้น แต่เป็นการที่เราควรจะดุแลสุขภาพร่างกาย และควบคุมน้ำหนักของตนเองให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานเสมอ เพื่อเป็นการสร้างร่างกายที่ดี 

  • การทานอาหารที่มีกากใยสูง

สำหรับคนที่อยากลดน้ำหนัก การที่เราทานแต่อาหารที่อุดมไปด้วยกากใยอาหารที่สูง จะช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญได้ ทำให้เราสามารถที่จะลดน้ำหนักได้อย่างปลอดภัย และยังเป็นการควบคุมน้ำหนักของเราให้พอดีกับร่างกายได้อีกด้วย 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  เครื่องช่วยฟังขนาดเล็ก

bookmark_borderฤดูกาลไหนก็ไม่ป่วยเป็นไข้หวัด  ถ้าหากทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ 

ฤดูกาลไหนก็ไม่ป่วยเป็นไข้หวัด โรคที่สามารถพบเห็นได้โดยทั่วไปไม่ว่าจะเป็นในเด็กหรือผู้ใหญ่หนึ่งในนั้นก็คือโรคไข้หวัดนั่นเองซึ่งปัจจุบันนั้นไข้หวัดมีได้มากมายหลากหลายสายพันธุ์อย่างเช่นไข้หวัดธรรมดาหรือถ้าหากว่าอาการรุนแรงขึ้นมาหน่อยก็จะเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ a และสายพันธุ์ B เป็นต้น    

นอกจากนี้เรายังสามารถพบเจอคนที่ป่วยเป็นโรคไข้หวัดได้ตลอดทุกฤดูกาลไม่ว่าจะเป็นหน้าหนาวหรือหน้าฝนหรือแม้แต่หน้าร้อนเองก็มักจะมีคนป่วยด้วยการเป็นโรคไข้หวัด

ดังนั้นเราอาจกล่าวได้ว่าในทุกฤดูกาลที่มีการเปลี่ยนแปลงของอากาศนั้นอาจจะทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายของคนเรานั้นไม่สามารถป้องกันโรคภัยไข้เจ็บให้กับเราได้จึงทำให้เรานั้นมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคไข้หวัด

ซึ่งโรคไข้หวัดนั้นมีอาการที่มีความคล้ายคลึงกันแต่อาการที่จะมีความรุนแรงนั้นก็ขึ้นอยู่แต่ละตัวบุคคลเพราะหากว่าใครสุขภาพร่างกายแข็งแรงหน่อยอาการก็อาจจะไม่รุนแรงมากนักแต่ถ้าหากว่าใครสุขภาพร่างกายอ่อนแอก็จะมีอาการรุนแรงบางคนอาจจะถึงขั้นต้องนอนโรงพยาบาลเลยก็มี 

ดังนั้นถึงแม้ว่าไข้หวัดจะไม่สร้างความเสียหายให้กับคนที่เป็นโรคไข้หวัดได้มากนักแต่ก็สร้างความรำคาญและทำให้เสียเวลาเสียโอกาส

ที่จะทำกิจกรรมอื่นๆอย่างเช่นไปโรงเรียนหรือไปทำงานและยังมีผลต่อค่าใช้จ่ายของเราได้อีกด้วยดังนั้นวันนี้เราจะมาแนะนำเกี่ยวกับขั้นตอนต่างๆในการดูแลตนเองให้มีความเสี่ยงน้อยที่สุดที่จะทำให้เราเป็นไข้หวัดได้นั่นเอง 

อย่างที่เรารู้กันดีว่าอาการเบื้องต้นของคนเป็นไข้หวัดนั้นจะต้องมีไข้ขึ้นสูงซึ่งโดยปกติแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 37.5 ถึง 39 องศาเซลเซียสเป็นต้นไปนอกจากนี้ยังมีอาการอื่นๆร่วมด้วยไม่ว่าจะเป็นอาการปวดหัวหรือปวดตามร่างกายรวมถึงมีอาการไอและจามและมีน้ำมูกไหลเป็นต้น  อย่างไรก็ตามหากว่าเป็นเพียงแค่ไข้หวัดธรรมดานั้นอาการเหล่านี้จะค่อยๆดีขึ้นภายใน 3 วัน

ซึ่งระหว่างนี้เราจำเป็นที่จะต้องมีการพักผ่อนร่างกายโดยการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอทานอาหารให้มีประโยชน์และครบ 5 หมู่รวมถึงทานยาบรรเทาอาการต่างๆเช่นหากเรามีน้ำมูกไหลก็ควรจะต้องกินยาลดน้ำมูกหรือถ้าหากมีไข้ก็ควรจะต้องกินยาลดไข้เป็นต้นซึ่งหลังจาก 3 วันไปแล้วอาการก็จะทุเลาลงและหายได้ในที่สุดโดยที่ไม่จำเป็นต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเลย 

สำหรับใครที่ไม่อยากให้ตนเองเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นไข้หวัดบ่อยๆนั้นดูแลตนเองได้ง่ายๆด้วยการใส่ใจสุขภาพอนามัยของตนเองนั่น

ก็คือการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งควรเลือกรับประทานอาหารที่มีสารที่จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายของเราได้เช่นผักและผลไม้รวมถึงเนื้อสัตว์และวิตามินต่างๆนอกจากนี้เราควรจะต้องมีการพักผ่อนให้เพียงพอเพราะการที่เราพักผ่อนน้อยภูมิคุ้มกันในร่างกายของเราก็จะน้อยตามไปด้วย

และถ้าหากมีเวลาว่างก็อย่าลืมออกกำลังกายและที่สำคัญเลยควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดทุกปี หากปฏิบัติได้ดังนี้รับรองได้เลยว่าไม่ว่าคุณจะผ่านไปในช่วงฤดูกาลไหนคุณก็มีความเสี่ยงน้อยที่สุดที่จะป่วยเป็นไข้หวัดได้นั่นเอง

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    hoiana เวียดนาม