หวัดขึ้นหู โรคที่มีอาการคล้ายกับหวัดทั่วไป เตือนพ่อแม่คอยสังเกตอาการลูก ก่อนช้าเกินไป
สำหรับโรคที่ควรเฝ้าระวังในช่วยฤดูหนาวนี้มากที่สุดคือโรคไข้หวัด เพราะจะพบผู้ป่วยเป็นโรคนี้กันมาก เนื่องจากอากาศมีการเปลี่ยนแปรง ร่างกายอาจจะมีการปรับตัวตามสภาพอากาศไม่ทัน ซึ่งอาการของโรคไข้หวัดนั้นทุกคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าเป็นอย่างไร แต่ที่จะมาเตือนภัยกันในวันนี้คือ อาการแทรกซ้อนที่จะมาพร้อมกับการเป็นไข้หวัด ซึ่งจะส่งผลกับลูกน้อยถึงขั้นหูหนวกได้ นั่นก็คือ อาการของหวัดขึ้นหู
ใช่ค่ะ เราเรียกว่า อาการหวัดขึ้นหู ฟังไม่ผิดแน่นอน หลายคนคงยังไม่รู้จักเจ้าโรคนี้กันมากนัก เพราะไม่ค่อยมีใครเป็นสักเท่าไหร่ แต่ถ้าลูกน้อยมีอาการเป็นไข้หวัดแล้วไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีหรือย่างทันท่วงทีก็จะมีผลทำให้โรคหวัดขึ้นหูแทรกซ้อนเข้ามาได้ อากางของหวัดขึ้นหูก็คือ การที่เราเป็นหวัดแล้วเชื้อลามไปยังส่วนอื่นๆ เช่นไปที่หูชั้นกลาง ทำให้หูเกิดการอักเสบ และหากปล่อยที่ไว้ไม่รีบรักษา จะทำให้มีอาการปวดหูหนักมากและถ้ายังไม่รีบรักษาอีกจะกลายเป็นปัญหาแก้วหูทะลุ
อาการของหวัดขึ้นหูนี้ส่วนมากจะพบมากในเด็กที่อายุต่ำกว่า 3 ขวบ
ซึ่งเป็นช่วงอายุที่ยังไม่สามารถบอกอาการเจ็บป่วยให้กับผู้ใหญ่ทราบได้ ดังนั้น พ่อแม่ จึงต้องควรสังเกตอาการของลูกด้วยตนเอง ว่าหากลูกเป็นไข้หวัดแล้วมีอาการอื่นร่วมหรือไม่ เช่น เด็กมักจะร้องไห้โยเยแล้วเอามือจับที่ใบหู หรือถ้ามีใครไปโดนหูแล้วเด็กจะร้องไห้เสียงดังขึ้นมาทันทีหรือไม่ หรือว่าได้กลิ่นเหม็นออกมาจากหูของลูกหรือไม่ หรือเวลาเราเรียกลูกเราเราต้องเพิ่มเสียงให้ดังกว่าปกติหรือไม่ หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบพาลูกน้อยไปพบแพทย์ทันที
สำหรับโรคหวัดขึ้นหูนั้น ส่วนมากมักจะมาพร้อมกับการเป็นไข้หวัด โรคลำคออักเสบ และโรคต่อมทอนซิลอักเสบ ซึ่งถ้าในผู้ใหญ่แล้ว อาการหวัดขึ้นหูจะพบได้น้อยมาก ส่วนมากแล้วจะพบกับเด็กเล็กที่อวัยวะภายในยังไม่แข็งแรง และมีภูมิต้านทานของโรคต่ำ สำหรับโรคหวัดขึ้นหูจะมีอาการดังนี้ เช่น เด็กจะปวดดูมาก จนอาจเป็นแก้วหูทะลุ
ซึ่งเรียกว่าหูน้ำหนวกชนิดเฉียบพลัน หรือจะมีน้ำอยู่ในหูชั้นกลาง ซึ่งพวกนี้จะอยู่ในประเภทหูน้ำหนวกชนิดใส และสุดท้ายเป็นหูน้ำหนวกแบบเรื้อรังซึงหากไม่รีบพาไปรักษาอาจทำให้ลูกน้อยมีอาการหูหนวกได้ ดังนั้นหากพบความผิดแม้เพียงนิดเดียวควรรีบพาลูกน้อยไปพบแพทย์ทันทีก่อนที่จะสายไป
สนับสนุนเรื่องดีๆจาก เครื่องช่วยฟัง